
วิธี ประเมินความเสี่ยงติดพนัน สัญญาณเตือนที่ควรต้องรู้
- Ye Jin
- 124 views

วิธี ประเมินความเสี่ยงติดพนัน ถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการพนันแม้เริ่มจากความสนุก อาจกลายเป็นควบคุมตัวเองไม่ได้ การสังเกตพฤติกรรม ปัจจัยทางจิตใจ และความแตกต่างระหว่างความเสี่ยงแพ้พนันกับการติดพนันช่วยให้รู้ตัว และวางแนวทางเล่นอย่างระมัดระวัง เพื่อลดผลกระทบต่อชีวิตในด้านต่างๆ
- ความหมาย และรูปแบบของการพนัน
- ปัจจัยทางจิตวิทยาที่ทำให้คนเสพติด
- การประเมินความเสี่ยงการเสพติดพนัน
การพนันคืออะไร ทำไมถึงทำให้คนเสพติดได้
การพนันคือการเสี่ยงทายผลเพื่อแลกเงินหรือทรัพย์สินจากผลลัพธ์ที่ไม่แน่นอน ซึ่งสร้างความตื่นเต้นและดึงดูดผู้คนมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในรูปแบบออนไลน์ที่เข้าถึงง่าย เล่นได้ทุกที่ ไม่ต้องเปิดเผยตัวตน จึงทำให้หลายคนเริ่มเล่นเพราะสนุกและหวังได้เงินเร็ว
เมื่อชนะ สมองจะหลั่งสารแห่งความสุขจนอยากเล่นซ้ำ และเมื่อแพ้ก็ยิ่งอยากเอาทุนคืน ส่งผลให้ติดอยู่ในวงจรการพนันโดยไม่รู้ตัว เพราะมีทั้งความหวัง ความท้าทาย และความรู้สึกว่า “ครั้งหน้าอาจชนะ” จนควบคุมตัวเองไม่ได้และอาจกระทบชีวิต การเงิน ความสัมพันธ์ และกฎหมาย
ที่มา: การพนันคืออะไร? มีโทษอย่างไร? (30 มิถุนายน 2023) [1]
รูปแบบการพนันที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน
- การพนันกีฬา เริ่มมีการเดิมพันกีฬาอย่างเป็นระบบในช่วงศตวรรษที่ 19 โดยเฉพาะการแข่งม้าในยุโรป ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการพนันกีฬายุคใหม่
- คาสิโนและเกมโต๊ะ เกมคาสิโนอย่างรูเล็ตเริ่มเล่นในฝรั่งเศสช่วงปี 1796 ส่วนบาคาร่ามีรากมาจากอิตาลีตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 15 ก่อนแพร่เข้าสู่ยุโรป
- เกมสล็อต สล็อตแมชชีนเครื่องแรกถูกสร้างขึ้นในสหรัฐอเมริกาประมาณปี 1894 ก่อนจะพัฒนาสู่ตู้สล็อตวิดีโอ และกลายมาเป็นสล็อตออนไลน์ในยุคอินเทอร์เน็ตช่วงทศวรรษ 1990
- หวยและลอตเตอรี่ หวยมีต้นกำเนิดจากจีนโบราณหลายร้อยปีก่อน ใช้ในกิจกรรมระดมทุนของรัฐ ส่วนหวยออนไลน์เริ่มแพร่หลายในช่วงกลางทศวรรษ 1990 พร้อมกับการเติบโตของเว็บพนัน
- การพนันออนไลน์ ถือกำเนิดอย่างชัดเจนในปี 1994 เมื่อมีการออกกฎหมายรองรับคาสิโนออนไลน์ครั้งแรก และเว็บไซต์ที่รับเดิมพันเงินจริงเว็บแรกเปิดในปี 1996
ปัจจัยทางจิตวิทยาที่ทำให้คนเสพติดการพนันแบบไม่รู้ตัว
- เล่นต่อแม้เกิดผลเสีย คนติดการพนันมักไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ แม้จะเสียเงินจนลำบากหรือมีปัญหากับครอบครัวและเพื่อน พวกเขายังคงเล่นต่อ เพราะสมองเชื่อว่ายังมีโอกาสชนะอยู่
- ความเชื่อว่าควบคุมผลได้ ผู้เล่นบางคนเชื่อว่าตนสามารถคุมผลลัพธ์ของเกม ตัวอย่างเช่น การทอยลูกเต๋าหรือหมุนวงล้อสล็อต แม้ความจริงเกมเหล่านี้เป็นเรื่องโชคล้วน ความคิดแบบนี้ทำให้คนเสี่ยงมากขึ้นและเล่นต่อเรื่อยๆ
- คิดว่าผลที่ผ่านมาเกี่ยวกับผลอนาคต คนเล่นมักคิดว่าถ้าแพ้หลายรอบ ครั้งต่อไปต้องชนะ หรือถ้าได้หลายรอบแล้วครั้งต่อไปจะเสีย นี่เป็นความคิดผิดๆ ที่ทำให้เล่นต่อและเสียเงินมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
- เกือบชนะ เวลาเล่นแล้วเกือบได้รางวัล อย่างเช่น สล็อตออกตรง 2 ใน 3 ช่อง สมองจะปล่อยสารรางวัลเหมือนชนะจริง ทำให้เกิดความรู้สึกว่า “เกือบได้แล้ว ต้องลองอีกครั้ง” เป็นเหตุผลว่า ทำไม เกือบชนะถึงอยากเล่นต่อ ซึ่งก็ส่งผลให้เล่นต่อโดยไม่รู้ตัว
- ปัจจัยสมอง จิตใจ และสิ่งแวดล้อม การเสพติดเกิดจากหลายอย่างรวมกัน อย่างเช่น การเข้าถึงการพนันออนไลน์ง่ายมาก หรือคนที่มีปัญหาสุขภาพจิตอยู่ก่อนมีความเสี่ยงสูงกว่า ทำให้การพนันกลายเป็นวงจรที่เลิกยาก
ที่มา: The Psychological Mechanisms Behind Gambling Addiction (4 ตุลาคม 2024) [2]
การประเมินความเสี่ยงของการเสพติดการพนัน

การพนันแม้จะดูเป็นเรื่องสนุกหรือเป็นกิจกรรมคลายเครียดสำหรับบางคน แต่สำหรับบางคน การเล่นอาจกลายเป็นปัญหาที่คุมไม่ได้ การประเมินความเสี่ยงจึงสำคัญ เพราะช่วยให้รู้ตัวว่าเราหรือคนใกล้ตัวอยู่ในกลุ่มเสี่ยงและควรระวังหรือหาความช่วยเหลือ ซึ่งสามารถสังเกตได้จากสิ่งเหล่านี้
- ความถี่และระยะเวลาการเล่น คนที่เล่นบ่อย เล่นนานหลายชั่วโมงต่อวัน หรือเล่นทุกวัน มีแนวโน้มเสี่ยงสูงกว่าคนที่เล่นเป็นครั้งคราว
- จำนวนเงินที่ใช้เดิมพัน การใช้เงินมากกว่าที่ตั้งใจไว้ หรือใช้เงินที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน แสดงถึงสัญญาณความเสี่ยง
- แรงจูงใจในการเล่น ถ้าเล่นเพื่อหนีปัญหา เครียด เหงา หรือเพื่อหวังได้เงินแก้ไขปัญหา เป็นสัญญาณว่าการเล่นเริ่มมีปัญหา
- พฤติกรรมหลังการเล่น รู้สึกหงุดหงิด โมโห หรือวิตกกังวลเมื่อแพ้ หรือต้องเล่นต่อเพื่อเอาทุนคืน ลักษณะนี้เป็นสัญญาณว่าควบคุมตัวเองได้ยากขึ้น
- ผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน การเล่นเริ่มทำให้ปัญหาการเงิน ครอบครัว หรือการทำงานเกิดความเสียหาย หากเริ่มเห็นผลกระทบชัดเจน แสดงว่าความเสี่ยงสูง
- ประวัติส่วนตัวหรือครอบครัว คนที่มีประวัติปัญหาสุขภาพจิต หรือมีคนในครอบครัวที่ติดการพนัน มีความเสี่ยงสูงขึ้น
วิธีรักษาอาการเสพติดพนัน
การติดการพนัน หรือ Gambling disorder คือพฤติกรรมเล่นพนันซ้ำๆ แม้ส่งผลเสียต่อชีวิต เช่น การเงิน ความสัมพันธ์ หรือการทำงาน การพนันมีหลายรูปแบบ อย่างเช่น บิงโก เกมคาสิโน หวย สล็อต และพนันกีฬา ประมาณ 1.2% ของประชากรโลกมีปัญหานี้ การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญช่วยควบคุมและรักษาได้
- ขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ การปรึกษานักจิตวิทยาหรือผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตเป็นวิธีหลักในการรักษา
- การบำบัดทางจิตใจ เช่น Cognitive Behavioral Therapy (CBT) ช่วยให้เข้าใจความคิดและนิสัยที่ทำให้เล่นพนัน และเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านั้น
- การบำบัดแบบกลุ่มหรือครอบครัว เช่น กลุ่มสนับสนุน Gamblers Anonymous ช่วยสร้างแรงสนับสนุนและแบ่งปันประสบการณ์
- การใช้ยาในบางกรณี ใช้ควบคุมความอยากเล่นหรือรักษาปัญหาสุขภาพจิตอื่น เช่น วิตกกังวลหรือซึมเศร้า แต่ยังไม่มียาเฉพาะสำหรับติดการพนันโดยตรง
- การฟื้นฟูต้องใช้เวลา อาจเกิดการกลับไปเล่นอีก เป็นเรื่องปกติ สิ่งสำคัญคือสังเกตตัวเองและขอความช่วยเหลือเมื่อจำเป็น
ที่มา: Gambling Disorder (Gambling Addiction) (9 สิงหาคม 2023) [3]
เปรียบเทียบ ความเสี่ยงการติดพนัน vs ความเสี่ยงการแพ้พนัน
การพนันเป็นกิจกรรมที่หลายคนมองว่าเป็นความบันเทิง แต่มีความเสี่ยงตั้งแต่เสียเงินธรรมดาจนถึงเสพติดควบคุมตัวเองไม่ได้ การเข้าใจความแตกต่างระหว่างความเสี่ยงติดพนันกับความเสี่ยงแพ้พนันช่วยให้เล่นอย่างระมัดระวังและลดผลกระทบต่อชีวิต
ความเสี่ยงการเสพติดพนัน
- เกิดขึ้นเมื่อการพนันกลายเป็นพฤติกรรมที่ควบคุมไม่ได้ แม้จะมีผลเสียต่อชีวิตด้านการเงิน ความสัมพันธ์ หรือการทำงาน
- ส่งผลต่อสมอง ทำให้เกิดความอยากเล่นซ้ำ ความอดทนต่อความตื่นเต้นลดลง และมีอาการถอนหรือ cravings คล้ายการติดสารเสพติด
- มีโอกาสเกิดปัญหาสุขภาพจิตร่วม อาทิเช่น ซึมเศร้า วิตกกังวล หรือใช้สารเสพติดเพื่อบรรเทาอารมณ์
- ต้องใช้การบำบัดหรือขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อควบคุมและฟื้นฟู
ความเสี่ยงการแพ้พนัน
- เกิดขึ้นได้กับทุกคนที่เล่นพนัน เพราะผลลัพธ์ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับโชคหรือความสุ่ม
- เป็นเรื่องชั่วคราวและมักจำกัดอยู่ที่เงินหรือทรัพย์สินที่ใช้เดิมพัน
- ผู้เล่นสามารถเรียนรู้วิธีจัดการเงินหรือกำหนดวงเงินเพื่อจำกัดการเสียได้
- ความเสี่ยงนี้มักไม่กระทบต่อสมองหรือจิตใจในระยะยาว ถ้ารู้จักควบคุมตัวเอง
วิธี ประเมินความเสี่ยงติดพนัน โดยสรุป
วิธี ประเมินความเสี่ยงติดพนัน คือสังเกตพฤติกรรมตัวเอง และคนรอบข้าง เช่น ความถี่ จำนวนเงิน แรงจูงใจ และผลกระทบต่อชีวิต การพนันอาจเริ่มจากความสนุก แต่หากไม่ระวังอาจกลายเป็นการเสพติด การรู้สัญญาณเตือน และตั้งขอบเขตช่วยลดความเสี่ยงและปกป้องชีวิต การเงิน และความสัมพันธ์
ทำไม นักพนันถึงกลัวแพ้พนันมากกว่ากลัวที่จะเสพติด ?
นักพนันมักกลัวการแพ้พนันมากกว่ากลัวการติด เพราะการเสียเงินเห็นผลชัดเจนทันที ทำให้เกิดความเครียดและกังวล ขณะที่การเสพติดเป็นเรื่องค่อยๆ เกิดขึ้นและไม่ชัดเจน ทำให้หลายคนมองข้ามความเสี่ยงจนสายเกินไป
มีวิธีเล่นพนันแบบไม่ให้เสี่ยงเสพติดหรือไม่ ?
มีวิธีเล่นพนันให้ลดความเสี่ยงเสพติดได้ ตัวอย่างเช่น กำหนดงบและเวลาที่ชัดเจน เล่นเพื่อความสนุก ไม่หวังเอากำไรกลับคืน และหยุดทันทีเมื่อรู้สึกเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ การมีวินัยและสังเกตตัวเองช่วยให้เล่นได้โดยไม่กระทบชีวิตประจำวัน


